วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ครูซัน กับคลิป สอนตีกลอง สำหรับ มือกลองมือใหม่

ครูซัน กับคลิป สอนตีกลอง สำหรับ มือกลองมือใหม่ ที่สนใจจะ หัดตีกลอง ให้ความรู้เกี่ยวกับ การตีกลองเบื้องต้น ( drum basic ) เยี่ยมชมและสอบถามปัญหากลองกันได้ที่ www.facebook.com/sundrummer หรือสนในเรียนกลองกับครูซัน โทร 089-671-2606

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

the Drum Channel Charlie Zeleny and Terry Bozzio double drum duet


Heres a couple clips from the crane feed of the Drum Channel Charlie Zeleny and Terry Bozzio double drum duet performance. This video is predominantly clips of Charlie Z but there will be a full edit with all 8 cameras of the hour long improvised double drum performance coming soon.

Filmed in Oxnard CA at The Drum Channel in August 2008. All rights held by The Drum Channel.

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Dave Weckl - Drum solo (2010 X 5) Opole PL (Chris Minh Doky & the Nomads)


19th Drum Fest. Opole (Poland)
5th October 2010

Chris Minh Doky & the Nomads:
- Dean Brown (g)
- Chris Minh Doky (b)
- Dave Weckl (dr)
- George Whitty (p)


Dave Weckl มือกลองแนว fusion ที่นักดนตรีทั่วโลกให้การยอมรับ คนหนึ่ง จากการสร้างชื่อเสียง กับ วง Chick Corea ภายในระยะเวลา 6 ปี. Dave Weckl เกิดใน St. Louis และเติบโตขึ้นในวงการดนตรีแนว soul และ jazz เขาได้กลองชุดแรกตอนอายุ 8 ขวบ และพัฒนาการเล่นกลองของเขา โดยการฟังการเล่นจากมือกลองอย่างเช่น Buddy Rich.
Dave Weckl เรียนสาขาวิชากลอง แนว jazz เป็นหลักที่ University of Bridgeport. หลังจากนั้น 2 ปี เขาก็ได้เข้าร่วมกับ วงดนตรี New York jazz scene และได้ออกทัวร์ยุโรปกับวงอื่น ๆ อีกด้วย.
Dave Weckl เข้าร่วมวงแนว jazz ชื่อ Nitesprite และได้รับความสนใจจาก Peter Erskine ซื่งช่วยเขาให้ได้เล่นกับวง French Toast วงที่มีนักเปียโนชื่อดังอย่าง Michel Camilo และ เบสคือ Anthony Jackson. จาก French Toast.
Dave Weckl ได้ออกมาใช้เวลาในการทำงานกับ เพลงแนวยุคปี 80 อีกมากมาย เขาเล่นเพลงของ Bill Connors (Return to Forever) ,the Brecker Brothers, Tania Maria, Paquito D'Rivera, Eliane Elias และ George Benson. และ Dave Weckl ยังเล่นเพลงแนว pop และ soul ให้กับ Dianna Ross, Madonna, และ Robert Plant.
ในปี 1986 Chick Corea เห็น Dave เล่นที่ New York กับมือกีตาร์ ชื่อ Connors เขาเลยชวน Dave มาเข้าวง Electric Band ของเขา. Dave ใช้เวลาเล่นดนตรี อยู่ กับ Chick Corea 7 ปีมีผลงานออกมาหลายอัลบั้ม และ Dave ยังได้เข้าร่วม กับ Corea's Akoustic Band. อีกด้วย ความสามารถของ Dave เป็นที่กล่าวขานและ ได้รับการยอมรับ จากคนมากมาย งานของ Dave กับ Corea ก็เพิ่มขึ้นเขาปรากฏตัวบ่อยขึ้นกับ วง GRP all star Big Band.
ในปี 1990 Dave Weckl มีวีดีโอสอนเล่นกลองของตัวเองและ เขาได้ออกอัลบั้ม Master Plan ให้กับ GRP. Head Up ในปี 1992 และ Hard Wired ในปี 1994.
หลังออกมาจาก Chick Corea Dave Weckl มีจุดมุ่งหมายใหม่คืออัดเสียงและออกทัวร์กับนักกีตาร์ชื่อ Mike Stern และก็ยังคงทำงานเดิมของเขาอยู่.
ในปี 1998 Dave Weckl กลับมาเล่น ดนตรี แนว R&B - Rhythm of Soul อีกครั้ง ซึ่งเป็นแนวเพลงที่เขาหลงใหลในวัยเด็ก. Dave Weckl ไม่ได้ละทิ้งการสอนกลองของเขาเลย ในปี 2001เขาได้ออกวีดีโอสอนกลองเรียกว่า The Zone. ออกมา จากงานหนักกับงานที่ผ่าน ๆ มาเขาเปิดตัวงานชิ้นใหม่ล่าสุดใน 2002' improved-heavy Perpetual Motion. Dave Weckl มีเวปเป็นของตัวเอง www.daveweckl.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีจ่อไมค์กลองชุด

อยู่ที่ปัจจัยสองอย่างที่เราต้องคิดนะครับ อย่างแรกคือมีงบประมาณเท่าไร? อย่างที่สองคือมีความต้องการคุณภาพเท่าไร? ถ้าสามารถตอบทั้งสองอย่างได้ก็ โอเค เอาเป็นว่าที่เคยใช้คือ Shure รุ่นไหนเดี๋ยวของเวลาถาม technician ให้  ส่วนใหญ่จะขายเป็นชุด เพราะว่าถ้าเราเอาไมค์ธรรมดาไปจ่อ ไมค์พวกนี้จะรับคลื่นความถี่เฉพาะที่เป็นเสียงที่เราพูดคือประมาณ 750-1000 Hz ในขณะที่กลองของเรานั้นมีความถี่หลายย่านความถี่ตั้งแต่ความถี่ต่ำ คือ Bass Drum ไปจนถึงความถี่สูงคือพวก Brass ต่าง ๆ ดังนั้นหากอยากได้คุณภาพเสียงที่ดี ก็ควรใช้ไมค์ที่เหมาะกับย่านความถี่ที่เราต้องการ  หากใช้ไมค์ธรรมดาตัวที่อาจจะส่งผลให้เกิดอาการ "หอน" ของไมค์ นั้นคือส่วนที่เป็น Bass Drum กับทอมใบที่สอง (หน้า12 - 13 นิ้ว) ของกลองชุดมาตรฐานเพราะว่าเป็นความถี่ธรรมชาติของหนังกลอง
ลักษณะการจ่อไมค์กลองชุด
ส่วนลักษณะการล่อไมค์มีหลายแบบหลายวิธี ส่วนที่ยากที่สุดน่าจะเป็นการจ่อที่ Bass Drum เพราะว่าต้องมีการ Mute หนังให้ดี
รวมทั้งในส่วนของ Mixer นั้น ในกรณีที่ต้องการซาวด์ที่ดีมาก จะมีอุปกรณ์ที่ใช้คัดหรือตัดสัญญาณที่เราไม่ต้องการ สังเกตได้หาก ตั้งค่าสัญญาณให้สูงมาก เวลาเหยียบกระเดื่องจะไม่มีเสียงออกมาจากลำโพง
ส่วนการตั้งไมค์ ให้ระวังแรงอัดของลมที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดซาวด์ที่เราไม่ต้องการ ตำแหน่งการวางสามารถวางได้สองตำแหน่งคือ ด้านในของกลองเลย (แบบลูกทุ่งหน่อย) แต่ต้องระวังเรื่องลมที่ได้บอกไปแล้ว อีกวิธีคือจ่อที่หนังหน้าของกลองเบสดรัมบริเวณเฉียง กับส่วนที่ลมออก เพราะว่าถ้าจ่อตรง ๆ จะมีเสียงลมเกิดขึ้นได้
ส่วนการล่อไมโครโฟนที่กลองอื่น ๆ นั้นก็แล้วแต่ชุดกลองที่จัดขึ้นมา จ่อที่หนังด้านหน้าปกติ ไม่ตรงถึงขนาดตั้งฉาก และก็ไม่ถึง
ขนาน ประมาณ 45 องศา ตามประสบการณ์แล้วน่าจะดีที่สุด
ส่วนการล่อไมค์สำหรับเครื่องทองเหลือง เรียกว่า Overhead ถ้ากับชุดกลองมาตรฐานเล่นกลางแจ้งจำเป็นที่จะต้องมี หากเป็นการ เล่นภายใน Indoor อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ อาจจะทดแทนด้วยการใช้ Crash ขนาดใหญ่ เช่น 16 หรือ 18 แทนที่จะเป็น 14 กับ 16  นิ้ว ทั้งนี้แล้วแต่สถานที่ ส่วนตำแหน่งนั้น ก็ให้เล็งไปที่ Crash ทั้งสองข้าง บริเวณ Bell ของ Crash แล้วยกสูงขึ้น
ประมาณ 60- 120 เซนติเมตร แล้วแต่ว่าใช้ฉาบมากน้อยเท่าใด หากใช้ฉาบมากก็ต้องยกให้สูงเพื่อให้มุมสำหรับรับเสียง (Solid Angle) นั้น สามารถรับได้ทั้ง Crash หลาย ๆ ใบรวมถึง China และ Ride ได้อย่างทั่วถึง
ส่วนสุดท้ายที่เป็นปัญหาคือ ส่วนที่เป็นไมค์จ่อสแนร์ ในกรณีที่มีไมค์ไม่พอ บางท่านจะใช้ไมค์จ่อสแนร์ร่วมกับ Hihat แต่ผมคิดว่า
น่าจะไม่เหมาะเท่าใดนัก เนื่องจากเป็นคนละย่านความถี่ ในกรณีที่ไมค์จ่อสแนร์ไม่ดี เสียง Hihat จะดังเกินไป เพราะปกติเสียงมัน เองก็ดังอยู่แล้ว ถ้าไมค์ไม่ดี เสียง Hihat จะวิ่งไปเข้าไมค์สแนร์ และ/หรือวิ่งเข้าไมค์ Overhead ทำให้เสียงไฮแฮทดังเกิน และมี ลักษณะ delay เพราะว่าเข้าไมค์หลายตัว ส่วนรุ่นไมค์นั้น ลองขอคำแนะนำจากร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์บันทึกเสียงก็ได้ครับ

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การจับไม้กลอง


การจับไม้กลองนั้น ถือว่าเป็นเบสิคที่ต้องศึกษาตั้งแต่เริ่มต้น
หากทำไม่ถูกตั้งแต่แรก อาจจะทำให้ต้องเสียเวลามานั่งรื้อ
นั่งแก้ในภายหลัง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการพัฒนาการเล่นของเรา

ในตอนนี้ จึงขอแนะนำการจับไม้กลองที่เป็นที่นิยมอยู่ใน
ปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้เล่นทุกท่านครับ
การจับไม้กลองที่นิยมกันมีอยู่ 2 แบบ คือ

Match Grip – การจับแบบนี้สองข้างจะจับเหมือนกัน
และ Traditional Grip - การจับแบบนี้ส่วนใหญ่นักดนตรีแจ๊สจะชอบ
(rocker บางคนก็ใช้เช่น Virgil Donati)
เหตุผลก็เพราะเวลาเล่น จะตีดับเบิ้ลได้เร็วและง่าย ควบคุมน้ำหนักได้ดี

ซึ่งถ้าฝึกไว้ทั้ง 2 แบบได้ก็จะดีมาก ทำให้มีลูกเล่นเพิ่มขึ้น

1. วิธีการจับไม้แบบ Match Grip

 
ขั้นที่ 1 ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ จับที่ จุดสมดุลของไม้ (Focal point)
วิธีการหาก็คือลองจับเบาๆแล้วปล่อยไปที่ snare ตรงไหนเด้งได้พอดีๆ
ก็คือตรงนั้นล่ะครับ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตำแหน่ง 1 ใน 3 ของความยาวไม้










ขั้นที่ 1




ขั้นที่ 2 นิ้วอื่นๆ ก็กำตามมาหลวมๆ

การจับแบบนี้ มือขวาและซ้ายจับเหมือนกันครับ


2. วิธีจับไม้แบบ Traditional Grip


ขั้นที่ 1
- คีบไม้ที่จุด ” Focal point “ ด้วยซอกระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้


ขั้นที่ 2 - งอนิ้วโป้ง นิ้วนางและนิ้วก้อย เข้ามาพยุงไม้ไว้ ให้ปลายไม้ผ่านไประหว่าง นิ้วกลางกับนิ้วนาง






ขั้นที่ 3งอนิ้วชี้เข้ามาช่วยจับอีกทีหนึ่งส่วนนิ้วกลางใช้พยุงไม้ให้ลื่นไหลได้อย่างอิสระ

การจับแบบนี้จุดหมุนจะอยู่ที่ซอกนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ อย่ากำแน่นมาก และไม่หลวมจนเกินไป
การจับแบบนี้ จะใช้มือขวาในแบบ Match Grip
ส่วนมือซ้ายจับแบบ Traditional Grip
มีความสุขมากๆกับการฝึกกลองนะครับ
ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ จับที่ จุดสมดุลของไม้ (Focal point)
วิธีการหาก็คือลองจับเบาๆแล้วปล่อยไปที่ snare ตรงไหนเด้งได้พอดีๆ
ก็คือตรงนั้นล่ะครับ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตำแหน่ง 1 ใน 3 ของความยาวไม้